1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นสำคัญในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ. ศ. 2542 ในมาตรา 22 กล่าวว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2545) จากสาระตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าสื่อการเรียนการสอนประเภทคอมพิวเตอร์ช่วยสอนถืออีกเป็นปัจจัยที่หนึ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้เนื่องจากมีคุณสมบัติในการนำเสนอสื่อได้อย่างหลากหลายทางทางคอมพิวเตอร์ในการจัดการเรียนการสอนโดยการนำเอาคอมพิวเตอร์มาเป็นสื่อในการเรียนการสอนหรือที่เรียกว่า CAI นั้นมีรูปแบบการนำเสนอในลักษณะของสื่อประสมได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว วิดีทัศน์และเสียง ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนโดยให้ผลย้อนกลับทันที มีการตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะหรือการเรียนรู้ในเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งตรงตามที่ผู้สร้างได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน หรือองค์ความรู้ในลักษณะที่ ใกล้เคียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากที่สุด
การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีโปรแกรมและ Application สำหรับใช้ในการพัฒนาสื่อการสอนมากมาย แต่โปรแกรมเหล่านั้นล้วนมีข้อจำกัดในเรื่องของลิขสิทธ์ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ตัวโปรแกรมมีเครื่องมือและการใช้ง่านค่อนข้างยุ่งยาก ผู้ใช้งานต้องมีความรู้หรือฝึกอบรมจึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป และหลาย ๆ โปรแกรมมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันทำให้ยากต่อการนำฟังก์ชั่นต่างๆมาบูรณาการให้ใช้งานร่วมกันได้ในที่เดียวกันเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน
ปัจจุบัน Google มีการพัฒนา Application ที่เรียกว่า Google Apps for Education มีการพัฒนาจนก้าวหน้าและมีแอพพลิเคชันมากมายหลายชนิดให้ผู้ใช้ได้ติดตั้งบน Web browser เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการสร้างห้องเรียนออนไลน์ด้วย Google Classroom การสร้างบทเรียนออนไลน์หรือเว็บไซต์ด้วย Google Sites การสร้างแบบทดสอบด้วย Google From การใช้งานเอกสารด้วย Google Sheets รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับ Mobile Phone และ Tablet เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการสื่อสารระหว่างครูผู้สอนและนักเรียนได้ตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่ง Application เหล่านี้สามารถใช้บริการได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีความสะดวกและใช้งานง่ายโดยทุกๆ Application สามารถนำมาบูรณาการใช้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีผู้วิจัยหลายท่านได้วิจัยในหัวข้อการนำ Google Application มาใช้ในการศึกษาเช่น เรื่องการพัฒนาแนวทางการใช้ Google Application for Education กับการเรียนการสอนในรายวิชา (เกษม,2556) ซึ่งผลการวิจัยทำให้ได้แนวทางสำหรับอาจารย์ผู้สอนในการใช้งาน Google ได้เป็นอย่างดี
ผู้วิจัยจึงคิดที่จะพัฒนาบทเรียนออนไลน์ให้กับครู นักศึกษา ที่สนใจในการนำไปพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมของ Google Application มาประยุกต์สร้างขึ้นเป็นบทเรียนเพื่อลดปัญหาด้านลิขสิทธ์ เกิดความง่ายต่อการพัฒนา และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อครู นักศึกษาและผู้สนใจต่อไป
2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
2.1 เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์เรื่องการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย Google Application
2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น
2.3 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่ได้เรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น
3. ขอบเขตของการวิจัย
3.1 ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
3.1.1ประชากร คือ นักศึกษาปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 28 คน คัดเลือกด้วยวิธีแบบเจาะจง
3.2ขอบเขตด้านเนื้อหา
เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยเนื้อหาทั้งหมด 2เรื่องได้แก่ การสร้างบทเรียนออนไลน์ด้วย Google site และการสร้างแบบทดสอบด้วย Google From
3.3 เครื่องมือในการวิจัย ประกอบด้วย
3.3.1 บทเรียนออนไลน์ เรื่องการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย Google Application
3.3.2แบบวัดประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ เรื่องการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย Google Application
3.3.3แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ เรื่องการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย Google Application
4. วิธีดำเนินการวิจัย
4.1 ศึกษาข้อมูลและรวบรวมข้อมูล โดยศึกษาเนื้อหา วัตถุประสงค กิจกรรมการเรียนศึกษาการใช้งานการสร้างบทเรียนด้วย Google site การสร้างแบบทดสอบด้วย Google Formและ ศึกษาโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนออนไลน์ได้กรอบแนวคิดงานวิจัยดังนี้
บทเรียนออนไลน์
ผู้เรียน
สร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์
ประสิทธิภาพของบทเรียน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ผู้เรียน
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
4.2 กำหนดแบบแผนการทดลอง โดยแบบแผนของการวิจัยในครั้งนี้ เปนกลุมเดียวกัน สอบกอนเรียนและสอบหลังเรียน
4.3 กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษา กศน. ...................................... จำนวน .......... คน ที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง
4.4 สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ส่วนได้แก่
ส่วนที่ 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์เรื่องการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย Google Applicationโดยใช้ Google Form เป็นเครื่องมือในการสร้าง
พัฒนาบทเรียน
โดยส่วนเนื้อหาด้วย blogspot
ส่วนข้อสอบด้วย
Google Form
ส่วนที่ 2 บทเรียนโดยขั้นตอนการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ใช้แนวทางการออกแบบบทเรียนตามกระบวนการ ADDIE Model(มนต์ชัย,2554) ประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) การวิเคราะห์ 2) การออกแบบ 3)การพัฒนา 4)การทดลองใช้ 5)การประเมินผลโดยลักษณะของบทเรียนออนไลน์ ดังภาพที่ 2
2.ทดสอบระบบโดยใช้วิธีการสอบโดยใช้แบบทดสอบออนไลน์ ซึ่งให้ครู เป็นผู้ทำแบบทดสอบ สาเหตุที่ต้องการให้ครูเป็นผู้ทดสอบก่อน เพื่อให้ครูได้ลองปฏิบัติ เพื่อนำข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไข และต้องการให้ครูนำไปทดสอบกับนักศึกษาได้เพื่อจะได้นำแบบทดสอบ
3.ผู้วิจัย กำหนดกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผู้วิจัยรับผิดชอบการจัดการเรียนสอนร่วมกับครูจำนวน 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม นักศึกษา กศน.ตำบล....... จำนวน......คน และ กลุ่มนักศึกษา กศน.ตำบล........จำนวน......คน สอนโดยวิธีการพบกลุ่มและใช้google classroom เก็บคะแนนจากแบบทดสอบออนไลน์ สอบถาวมความพึงพอใจในการสอนครั้งที่ 1 ครั้งที่ 9 และครั้งที่ 18 เพื่อนำมาเปรียบเทียบคาวมพึงพอใจและนำข้อเสนอะแนะมาพัฒนาในการสอนในภาคเรียนหน้าต่อไป